วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประวัติ

    หล่ายดอย คือ ชื่อในอดีตของอำเภอเวียงแก่น อำเภอเวียงแก่น ในอดีตที่ผ่านมาไม่ทราบแน่ชัดว่าชื่อเมืองอะไร แต่ตามหลักฐานตำนานสิงหนวัต ได้กล่าวไว้ว่า เขตเมืองผาแดง (เชียงของ) ทางทิศตะวันออก มีแคว้นตั้งแต่เมืองผาแง (ผาแล) ล่องมาถึงแจ๋มแกด (แจมป๋อง) ซึ่งก็ถือได้ว่า เวียงแก่นในอดีต เป็นเมืองบริวารที่ขึ้นตรงกับเมืองผาแดงมาก่อน มีชุมชนเมืองโบราณที่มีสภาพ ชัดเจนอยู่หลายแห่งพอที่จะศึกษาค้นคว้าทางด้านประวัติศาสตร์ได้ เช่น โบราณสถานดงเวียงแก่น ซึ่งเป็นเมืองโบราณมีอายุประมาณ 700 กว่าปีราวยุคสมัยสุโขทัยและเชียงรายยุคต้น มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 230 ไร่ มีลักษณะการสร้างเมืองเป็นรูปวงรี อยู่บนที่เนินสูง มีกำแพงคูเมืองล้อมรอบ 2 ชั้น คือมีคูด้านนอกกับคูด้านใน คูด้านนอกจะตื้นกว่าคูด้านใน คูด้านในจะลึกประมาณ 10 เมตร รอบตัวเมืองโบราณจะมีการขุดคูล้อมรอบอยู่ 3 ด้าน คือทางด้านทิศใต้ ทิศเหนือ และทิศตะวันออก ส่วนทางด้านทิศตะวันตกจะใช้ลำน้ำงาวใช้เป็นคูเมืองแทน เพราะมีร่องน้ำเดิมปรากฏอยู่บริเวณติดกับเขตของตัวเมืองอย่างเห็นได้ชัดเจน และยังมีคูเมืองด้านนอก และด้านในของทางทิศเหนือ และทิศใต้มาเชื่อมต่อร่องน้ำเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตามตำนานสิงหนวัติ กล่าวถึงสมัยอาณาจักรล้านนา บริเวณอำเภอเวียงแก่นปกครองโดยเจ้าหลวงเวียงแก่น มีชายาชื่อ เจ้านางแว่นเตียม มีโอรส 1 องค์ คือ เจ้าองค์คำ เจ้าหลวงเวียงแก่นปกครองเมือง ไพร่ฟ้า ประชาชน ด้วยความสันโดษ ต่อมาพญามังรายได้รวบรวมอาณาจักรล้านนาให้เป็นปึกแผ่นเพื่อผนึกกำลังไว้ต่อสู้กับกองทัพมองโกล พระองค์จึงได้ยกทัพตีเมืองต่างๆ ในแถบแม่น้ำอิงมาจนถึงเมืองเวียงแก่น เจ้าหลวงเวียงแก่นได้รบกับพญามังราย ด้วยความรักและความหวงแหนแผ่นดินแต่กำลังทหารฝ่ายเจ้าหลวงเวียงแก่นมีน้อยจึงเป็นผู้แพ้ในการศึก ในการต่อสู้ดังกล่าวต่างฝ่ายต่างล้มตายเป็นจำนวนมากทำให้เกิดเลือดไหลนอง เมื่อเจ้าหลวงเวียงแก่นได้เห็นผู้คนล้มตายจำนวนมากมายเช่นนั้นจึงเกิดเป็นลมหมดสติสิ้นในไปการรบ ปัจจุบันเรียกที่แห่งนั้นว่า "ทุ่งคาว" อยู่บริเวณบ้านหล่ายงาวในปัจจุบัน จากนั้นเมืองเวียงแก่นจึงร้างไป
ต่อมา ในช่วงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ได้เริ่มมีคนอพยพมาตั้งรกรากกันใหม่ ส่วนใหญ่จะมาอยู่เป็นครั้งคราวและจำนวนน้อย และต่อมาในช่วงประมาณรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4 จึงมีการอพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่กันอย่างถาวรมากขึ้น ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ และมาจากประเทศลาวบางส่วน โดยตั้งถิ่นฐานบริเวณบ้านหลู้ บ้านม่วง บ้านยาย จนมาถึงช่วงประมาณ พ.ศ. 2431 สมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดระบบการเมืองการปกครองใหม่ มีการแบ่งแยก หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ขึ้นอย่างชัดเจน ในส่วนของอำเภอเวียงแก่นสมัยนั้น แบ่งออกเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลม่วงยายและตำบลปอ ขึ้นอยู่กับอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในส่วนของอำเภอเวียงแก่นที่มีเขตตำบลอยู่ในอำเภอเชียงของในขณะนั้น เดิมมีอยู่ 2 ตำบล คือ ตำบลม่วงยายและตำบลปอ ต่อมาก็ได้มีการจัดตั้งตำบลในเขตท้องที่อำเภอเชียงของขึ้นใหม่ อีก 1 แห่ง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเชียงของ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 99 ตอนที่ 45 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2525 โดยมีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2525 มีเนื้อหาสำคัญคือให้โอนหมู่บ้าน 5 หมู่บ้านจากตำบลม่วงยาย โดยถือกึ่งกลางของแม่น้ำงาวเป็นแนวแบ่งเขต มาจัดตั้งตำบลขึ้นใหม่ เรียกชื่อว่า ตำบลหล่ายงาว ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ตำบลทีเกิดขึ้นก่อนที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นกิ่งอำเภอเวียงแก่นในเวลาต่อมา

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลักษณะทางภูมิศาสตร์



ภูมิประเทศดอยผาหม่น ณ บ้านผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย







ที่ตั้งและอาณาเขต
     
   อำเภอเวียงแก่นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
  • ทิศเหนือ ติดต่อกับเมืองห้วยทรายและเมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับเมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  • ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอขุนตาลและอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

ลักษณะภูมิประเทศ
    
     พื้นที่เป็นที่ราบริมแม่น้ำงาวและพื้นที่ลาดเชิงเขา มีเทือกเขาขนาบทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาผีปันน้ำ แนวเทือกเขาที่ขนาบทางทิศตะวันออก คือ ดอยผาหม่น เป็นแนวเขตแดนธรรมชาติระหว่างเขตอำเภอเวียงแก่นกับแขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว และแนวเทือกเขาที่ขนาบทางทิศตะวันตก คือ ดอยยาว แบ่งแนวเขตระหว่างอำเภอเวียงแก่น อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ โดยเทือกเขาที่ขนาบทั้งสองนั้นทอดตัวอยู่ในแนวเหนือใต้


ลักษณะภูมิอากาศ

          เป็นแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว


    วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

    การปกครอง

    การปกครองส่วนท้องถิ่น

    ท้องที่อำเภอเวียงแก่นประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4 แห่ง ได้แก่
    • เทศบาลตำบลม่วงยาย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลม่วงยายทั้งตำบล มีพื้นที่ประมาณ 84 ตารางกิโลเมตร หรือ 52,500 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านม่วง หมู่ 3 ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย ติดแม่น้ำโขงซึ่งเป็นชายแดนประเทศไทยกับประเทศลาว ระยะทางจากศาลากลางจังหวัดเชียงรายถึงที่ทำการเทศบาลตำบลม่วงยายประมาณ 130 กิโลเมตร ที่ทำการเทศบาลตำบลม่วงยายอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงแก่นประมาณ 200 เมตร เทศบาลตำบลม่วงยายจัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2552 โดยยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลม่วงยาย มีเขตตามเขตตำบลตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
    • เทศบาลตำบลหล่ายงาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหล่ายงาวทั้งตำบล มีพื้นที่ประมาณ 76 ตารางกิโลเมตร หรือ 47,500 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านหล่ายงาว หมู่ 1 ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงแก่นประมาณ 1.5 กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดเชียงรายประมาณ 132 กิโลเมตร เทศบาลตำบลหล่ายงาวจัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2552 โดยยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลหล่ายงาว มีเขตตามตำบลตามกฎหมายว่าด้วยด้วยลักษณะการปกครองท้องที่
    • เทศบาลตำบลท่าข้าม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าข้ามทั้งตำบล มีพื้นที่ประมาณ 23 ตารางกิโลเมตร หรือ 14,477 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านขวากเหนือ หมู่ 5 ตำบลท่าข้าม อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงแก่นมาทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร
    • องค์การบริหารส่วนตำบลปอ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปอทั้งตำบล มีพื้นที่ประมาณ 299 ตารางกิโลเมตร หรือ 186,875 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านดอน หมู่ 3 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงแก่นมาทางทิศใต้ประมาณ 15 กิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีสถานที่สำคัญได้แก่ จุดชมต่างๆ บริเวณบ้านผาตั้ง ถ้ำผาแล ภูชี้ดาว เป็นต้น องค์การบริหารส่วนตำบลปอได้รับการจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 19 มกราคม 2539 มีเขตตามตำบลว่าด้วยลักษณะการปกครองท้องที่

    แม่น้ำสำคัญ

    แม่น้ำโขงที่ไหลผ่านอำเภอเวียงแก่น ณ จุดชมวิวบ้านห้วยเอียน
    ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
    •  แม่น้ำงาว เป็นแม่น้ำสายใหญ่ ที่ไหลผ่านพื้นที่ทั้งอำเภอ จากตำบลปอ ผ่านตำบลท่าข้าม ตำบลม่วงยาย ตำบลหล่ายงาว ลงสู่แม่น้ำโขงในเขตท้องที่ตำบลหล่ายงาว (บ้านแจมป๋อง) แม่น้ำงาวนี้เปรียบเสมือนสายโลหิตของประชากรทั้ง 4 ตำบลซึ่งใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภค และยังอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำที่ราษฎรสามารถจับและบริโภคได้ทุกฤดูกาลในหน้าแล้งจะมีน้ำน้อยมาก
    •  แม่น้ำโขงที่ไหลผ่านอำเภอเวียงแก่น ณ จุดชมวิวบ้านห้วยเอียน ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงรายแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำกั้นเขตแดนไทย-ลาว ในอดีตใช้เป็นเส้นทางสัญจรทางเรือ ติดต่อกับอำเภอเชียงของ มีหมู่บ้านติดกับแม่น้ำโขง ได้แก่ บ้านห้วยเอียน และบ้านแจมป๋อง ตำบลหล่ายงาว บ้านห้วยลึก ตำบลม่วงยาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายทางทิศเหนือ ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่าน ก่อนที่จะเลี้ยววกเข้าไปในประเทศลาวบริเวณแก่งผาได จนกระทั่งไหลผ่านประเทศไทยอีกครั้งที่จังหวัดเลย
    •  ห้วยวอง เป็นห้วยที่มีต้นน้ำอยู่ที่ถ้ำผาปู่ มีน้ำออกมาสามรู รวมกันเป็นห้วยน้ำวอง ไหลผ่านบ้านยายเหนือ บ้านยายใต้และบ้านม่วง ลงสู่แม่น้ำงาว ผ่านที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น กรมชลประทาน ได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวอง เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตรและเพาะพันธุ์ปลา ตลอดจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย
    •  ห้วยปอ ต้นกำเนิดอยู่ที่บ้านเย้าห้วยปอ ดอยผาหม่น ไหลผ่านบ้านดอน บ้านดอน ตำบลปอ ไหลลงสู่แม่น้ำงาว
    •  ห้วยกุ๊ก ต้นกำเนิดอยู่ที่บ้านห้วยกุ๊ก ดอยผาหม่น ไหลผ่านบ้านห้วยกุ๊กล่าง บ้านเจดีย์ทอง แล้วลงสู่แม่น้ำงาว
    •  ห้วยผาตั้ง ต้นกำเนิดอยู่ที่บ้านผาตั้ง ดอยผาหม่น ไหลผ่านบ้านปางหัดลงสู่แม่น้ำงาว
    • ห้วยหาน ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยผาหม่น ไหลผ่านบ้านห้วยหาน ลงสู่แม่น้ำงาว
    •  ห้วยม่วง ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยยาว ดอยผาหม่น ไหลลงสู่แม่น้ำงาว ระหว่างบ้านผาแล และบ้านหนองเตา
    •  ห้วยจะยิน ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยยาว ดอยผาหม่น ไหลผ่านบ้านอยู่สุข และบ้านปางปอ ไหลลงสู่แม่น้ำงาว
    •  ห้วยติ้ว ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยเพียสี ไหลผ่านบ้านห้วยติ้ว ลงสู่แม่น้ำงาว
    • ห้วยขวาก ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยเพียสี ไหลผ่านบ้านขวากใต้ ลงสู่แม่น้ำงาว


    วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

    ประวัติการอพยพของกลุ่มชาติพันธุ์



    ชาวเย้าในเขต ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
    • คนเมือง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2280 ได้มีราษฎรจำนวนประมาณ 50 ครัวเรือน อพยพมาจากจังหวัดแพร่ น่าน เชียงใหม่ และลำปาง โดยการนำของพระยาเตรียม ได้มาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกที่บ้านม่วง บ้านยาย และบ้านหลู้ เดิมเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2431 ได้จัดให้มีการจัดตั้งหมู่บ้านตำบลให้เป็นระบบ และตั้งเป็นตำบลม่วงยาย โดยมีขุนม่วงยายยศเขต เป็นกำนันคนแรกและมีหมู่บ้านต่าง ๆ ได้แก่ บ้านหลู้ บ้านยาย บ้านม่วง หลังจากนั้นชุมชนขยายขึ้นจึงมีหมู่บ้านใหม่อีก ได้แก่ บ้านหล่ายงาว บ้านทุ่งทราย ตามลำดับ 
    • ไทลื้อ ชาวไทลื้อที่มาตั้งถิ่นฐานในอำเภอเวียงแก่น เคยอาศัยอยู่ที่เมืองลวง เมืองฮำ เมืองพงน้อย เมืองพงหลวง ในแคว้นสิบสองปันนา (ประเทศจีนในปัจจุบัน) ต่อมาได้เกิดการทำศึกสงครามกับพวกจีนฮ่อ จึงอพยพมาอยู่ที่บ้านนาไฮ เมืองน่านในปีไหนไม่ได้ระบุ และหลังจากนั้นก็ได้อพยพจากบ้านนาไฮเมืองน่านอีก มาอยู่ที่บ้านปอ บ้านน้ำโละ บ้านกลาง บ้านท่าข้าม ซึ่งมาอยู่แทนที่พลเมืองที่ติดตามเจ้ารำมะเสนจากเมืองน่าน จากนั้นเจ้ารำมะเสนอพยพไพร่พลของตนไปอยู่ที่เชียงของที่บ้านสถาน บ้านศรีดอนไชย และบ้านส้านในปัจจุบัน ส่วนลื้อที่มาจากบ้านนาไฮ เมืองน่าน (ไพร่พลที่ติดตามเจ้ารำมะเสน) แต่เดิมไม่ได้ขึ้นกับเมืองเชียงของ แต่ยังขึ้นกับทางเมืองน่านอยู่ จะมีการส่งส่วยให้กับทางเมืองน่านเป็นทองคำ คู่ละ 1 สลึง คนเปรียว (โสด) 1 บี้ (ครึ่งสลึง) ถ้าไม่มีทองคำก็ส่งเงิน 7 แถบ การส่งส่วยมาเลิกใช้เมื่อประมาณ ร.ศ.119 พ.ศ. 2443 ต่อจากนั้นไทลื้อที่มาจากบ้านนาไฮเมืองน่านก็ขึ้นกับเมืองเชียงของ
    • เย้า (เมี่ยน) เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคอมมิวนิสต์ ชาวเย้าได้ไปตั้งหลักแหล่งที่บ้านโล๊ะ พอการเคลื่อนไหวได้สงบลง หมู่บ้านหนองเตาได้ก่อตั้งขึ้น ชาวเย้าที่อาศัยอยู่มีด้วยกันสามตะกูลคือ แซ่ฟุ้ง (โล่ห์ปุ๋ง) แซ่เติ๋น (โล่ห์ตั่ง) และมีบางส่วนที่ แซ่จ๋าว(โล่ห์เจ๋ว) คำว่าหนองเตา ความเป็นมาคือ เมื่อก่อนมีหนองน้ำท้ายหมู่บ้านมีเต่าเยอะเลยตั้งชื่อว่า หนองเต่า (ข้อมูลจากผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนในหมู่บ้าน) เดิมทีชื่อหมู่บ้านหนองเต่าเรียกไปเรียกมา เพี้ยนกลายเป็นหมู่บ้านหนองเตา 
    • ม้ง (แม้ว) ชาวม้ง เป็นชนเผ่าที่มีการกระจายมากที่สุด คืออาศัยอยู่ตั้งแต่ประเทศจีน พม่า ลาว และไทย มีต้นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในมณฑลไกวเจา ฮุนหนำ กวงสี และยูนนาน จัดอยู่ในกลุ่ม ธิเบต-พม่า อพยพเข้ามาในประเทศไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านมาทางประเทศลาว เข้าสู่ประเทศไทยทางจังหวัดเลย และจังหวัดน่าน ในจังหวัดเชียงราย ชนเผ่าม้งอาศัยอยู่ในเขต 8 อำเภอ 12 ตำบล 50 หมู่บ้าน ในเขตอำเภอเวียงแก่น ถือว่ามีชนเผ่าม้งเป็นประชากรที่มากที่สุดในอำเภอ โดยเฉพาะในเขตตำบลปอ ได้แก่ บ้านเจดีย์ทอง บ้านทรายทอง บ้านห้วยคุ บ้านห้วยหาน ฯลฯ 
    • จีนฮ่อ การอพยพเข้ามาของชาวจีนฮ่อที่เข้ามาในประเทศไทยนั้น เริ่มจากการตั้งบ้านเรือนเป็นชุมชนใหญ่ ได้แก่ บ้านผาตั้ง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น และชุมชนดอยแม่สลอง ตำบลแม่สลองนอก และตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยอพยพเข้ามาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2492 เนื่องจากจีนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. 2496 และ พ.ศ. 2504 รัฐบาลไทยโดยการอำนวยการขององค์การสหประชาชาติได้อพยพกลุ่มทหารกลับไปยังประเทศไต้หวัน แต่ก็ยังมีชาวจีนบางส่วนทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนไม่ยอมอพยพกลับไป ยังคงอยู่ในจังหวัดเชียงราย รัฐบาลไทยได้ดำเนินการปลดอาวุธบุคคลเหล่านั้นและให้อยู่อาศัยในความควบคุมของฝ่ายปกครอง และกองบัญชาการทหารสูงสุด และได้ให้ชาวจีนจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง 
    • ขมุ ชาวขมุได้อพยพเข้ามาจากประเทศลาวที่อำเภอเวียงแก่นเป็นครั้งแรกที่บ้านห้วยจ้อ ตำบลม่วงยาย แล้วแตกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ไม่โยกย้ายไปไหน อีกกลุ่มโยกย้ายไปอยู่บ้านแป บ้านห้วยป่าซาง บ้านดู่ บ้านน้ำเหมือง สุดท้ายประมาณ ปี พ.ศ. 2513 ที่บ้านป่าตึง อำเภอเวียงแก่น โดยสาเหตุที่ของการโยกย้าย เนื่องจากกลัวภัยจากการเกิดสงครามซึ่งช่วงนั้นประเทศลาวยังอยู่ในอาณานิคมของฝรั่งเศส และเป็นความเชื่อของชาวขมุที่ต้องมีการโยกย้ายที่อยู่อยู่เสมอ ต่อมาความเชื่อนี้จึงหมดไป ชาวขมุจึงตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่ที่เดิม 

    วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

    อาชีพ/ประชากร

    •   อาชีพหลัก            เกษตรกรรม เช่นการเพาะปลูกข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ขิง ข้าวโพด การทำสวนส้มโอ ส้มเขียวหวาน ผลไม้เมืองหนาว ผักปลอดสารพิษ หอมหัวใหญ่
    •   อาชีพรอง             การทอผ้า หัตถกรรมชาวเขา เครื่องจักสาน เครื่องเงิน การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากส้มโอ และกล้วย และรับจ้างทั่วไป  


     การศึกษา
    •   โรงเรียนประถม   29       โรง
    •   โรงเรียนมัธยม     1          โรงจำนวนประชากร

    ประชากร
    •   จำนวนประชากรชาย          16,485          คน
    •   จำนวนประชากรหญิง        15,923          คน
                                         รวม       32,408          คน

    •   ความหนาแน่น     61.61 คน/ตร.กม.


    การเกษตรและอุตสาหกรรม
    • ผลผลิตทางการเกษตร       ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ข้าวโพด ขิง หอมหัวใหญ่ ผักปลอดสารพิษ



    งานเทศกาลและประเพณีสำคัญ

    ดอกเสี้ยวบนบานดอยผาตั้ง



    ขบวนรถประกวดธิดาส้มโอเวียงแก่น
    ในงานเทศกาลส้มโอและของดีอำเภอเวียงแก่น
    • งานเที่ยวดอยผาตั้ง-ชมทะเลหมอก ดอกไม้บาน-สืบสานวัฒนธรรมชนเผ่า เป็นเทศกาลประจำปี ที่จัดบริเวณดอยผาตั้ง บ้านผาตั้ง ตำบลปอ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคมของทุกปี จุดเด่น คือ มีการแสดงของชนเผ่าม้ง เย้า ไทลื้อ จีน ชิมอาหารจีนยูนาน ชมดอกซากุระบานและดอกไม้เมืองหนาวบนดอยผาตั้ง 
                                                                 งานบวงสรวงเจ้าหลวงเวียงแก่น เป็นประเพณีที่จัดเป็นประจำทุกปี ณ บริเวณโบราณสถานดงเวียงแก่น ในช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อบวงสรวงเจ้าหลวงเวียงแก่น โดยอัญเชิญเจ้าหลวงมาประทับทรงและสอบถามความเป็นอยู่ของชุมชนในอำเภอเวียงแก่น ในพิธีจะมีการจัดเครื่องบูชาและมีการฟ้อนรำถวายแบบล้านนา 
    • งานเทศกาลส้มโอและของดีอำเภอเวียงแก่น เป็นงานเทศกาลประจำปีที่จัดบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น บ้านม่วง ตำบลม่วงยาย ระหว่างปลายเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายนของทุกปี โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนส้มโอเวียงแก่น เพื่อเผยแพร่ผลผลิตส้มโอ ซึ่งอำเภอเวียงแก่นมีพื้นที่การปลูกส้มโอ ประมาณ 4,000 ไร่ มีต้นส้มโอมากถึง 11,000 ต้น เป็นแหล่งตลาดภายในประเทศหลายจังหวัด และส่งออกไปยังยุโรปและจีนเป็นหลัก ภายในงานยังมีการจัดประกวดธิดาส้มโอ การประกวดส้มโอทุกสายพันธุ์ ขบวนแห่ การแสดงของศิลปินและกิจกรรมบันเทิง 
    • พิธีเลี้ยงปางแปด เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวไทลื้อ เป็นการอัญเชิญเจ้าป่าเจ้าเขาให้มาปกปักษ์รักษาพืชผลที่ทำการเพาะปลูกไว้ จัดในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี
    • พิธีถวายหนังแดง เป็นพิธีขอฝนเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก จัดขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี
    • ประเพณีปีใหม่ม้ง เป็นประเพณีที่ชาวม้งจะมารวมตัวกันเพื่อพบปะญาติพี่น้องและมีกิจกรรมการละเล่น เช่น การโยนลูกช่วง การตีลูกข่าง การตีลูกขนไก่ การแข่งขันชนวัว เป็นต้น โดยจะจัดในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ของทุกปี
    • ประเพณีตรุษจีนและสารทจีน เป็นประเพณีของชาวจีนฮ่อหรือจีนคณะชาติ มีการละเล่น เช่น การเชิดสิงโต จัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี 
    • ประเพณีปีใหม่อาข่า จะมีการโล้ชิงชา จัดขึ้นในเดือนสิงหาคมของทุกปี